ในปีเดียวกันนั้นเอง สองลูกพี่ลูกน้องสร้างเก้าอี้ประดิษฐ์ ออกแบบสำหรับ “วิถีธรรมชาติในการพักผ่อน” แนวคิดเพื่อความสบาย เป็นเก้าอี้พับบานไม้ปรับตามตัวของคนนั่ง ทั้งปรับนั่งและเอนนอน โดยการใช้กล่องสีส้มสร้างต้นแบบและปรับเปลี่ยนไอเดีย พวกเขาประดิษฐ์กลไกเก้าอี้ปรับเอนนอนได้ที่ทำให้โลกตะลึงงัน เก้าอี้หุ้มเบาะปรับเอนนอนได้ตัวแรกผลิตออกมาในปี 1929 เมื่อลูกค้าแนะนำให้ทั้งสองหุ้มเบาะให้กับสิ่งประดิษฐ์และทำตลาดตลอดทั้งปี นับเป็นคำแนะนำที่ดี โดยเกิดเป็นเก้าอี้ปรับเอนนอนตัวแรกของโลก และกลายเป็นเป้าของการลอกเลียนแบบ ดังนั้นจึงมีการรวมบริษัทในเดือนเมษายน 1929 และเป็นอีกครั้งที่เพื่อนๆและครอบครัวพากันเข้ามาช่วยเหลือด้วยการเพิ่มเงินจำนวน 10,000 เหรียญ สำหรับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์และเริ่มต้นค่าใช้จ่ายในการผลิต เก้าอี้ได้รับความนิยมในทันที แต่ยังไม่มีชื่อ หุ้นส่วนธุรกิจจึงจัดประกวดการตั้งชื่อเพื่อเป็นการโปรโมต ชื่อที่คิดขึ้นมาเช่น Sit-N-Snooze. Slack-Back. Comfort Carrier แต่ชื่อที่ชนะเลิศคือ - La-Z-Boy -
กลับเกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ วัน Black Tuesday และตลาดหุ้นร่วงกราว ทำให้ประเทศต้องเริ่มก้าวอย่างช้าๆต่างไปจากเดิม เงินเริ่มฝืดเคืองสำหรับ เอ็ดเวิร์ด เอ็ดวิน รวมทั้งทุกๆคน โชคยังดีที่เก้าอี้ปรับเอนนอนของบริษัทฟลอร่าซิตี้และชื่อเสียงในงานคุณภาพยังคงได้รับความนิยม ข่าวกระจายออกไปว่าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์และช่างไม้ชั้นยอด ครั้งหนึ่งมีคนนำเก้าอี้แบบไม่มีพนักวางแขนไม้มะฮ๊อกกานีมาที่บริษัทเพื่อให้ผลิตขึ้นใหม่สิบสองตัว เขาบอกว่าไม่สามารถแยกแยะได้เลยระหว่างงานอันปราณีตที่ทำขึ้นใหม่กับงานเก้าอี้ดั้งเดิม และแม้ว่าชาวบ้านในเมืองมอนโรจะไม่มีเงินมากมาย แต่พวกเขาก็หาทางเอาสิ่งที่ต้องการมาได้ ลูกค้าเสนอซื้อเฟอร์นิเจอร์แทนการจ่ายเงินด้วยสิ่งของต่างๆ นับตั้งแต่ใช้ข้าวสาลี ถ่านจนถึงวัว แม้กระทั่งใช้ไก่กระต๊ากซึ่งใช้งานได้ดีกว่าสัญญาณกันขโมยที่ล้ำยุคขณะนั้น เมื่อสิ้นสุดยุคเศรษฐกิจถดถอย เอ็ดทั้งสองสะสมบรรดาสัตว์ในไร่ได้มากจำนวนหนึ่งทีเดียว ซึ่งค่อนข้างน่าขันในกรณีของเอ็ดวินเมื่อคิดถึงว่าเขาต้องการก้าวสู่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อหนีออกมาจากอาชีพการทำไร่
สามารถทำกำไรได้มากกว่าสองเท่าของที่พวกเขาได้รับ ทั้งสองจึงเปลี่ยนบริษัทมาเป็นร้านขายสินค้าปลีก และได้ร่วมกับบริษัทเก้าอี้มิชิแกนซึ่งอยู่ในแกรนด์แรพิทส์ ผลิตเก้าอี้ให้ได้มากกว่าเดิม ในเวลาเพียงปีเดียว บริษัทฟลอร่าซิตี้ ขยายขนาดกิจการใหญ่โตกว่าเดิมถึงสามเท่า และพื้นที่การผลิตเพิ่มขึ้นไปถึงชั้นสอง ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจนต้องกางเต็นท์โชว์สินค้าเฟอร์นิเจอร์หน้าอาคาร พวกเขาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดซึ่งดึงดูดผู้คนจากเมืองดีทรอย โทเลโด้ และมอนโร การ “จัดแสดงเฟอร์นิเจอร์โชว์” นี้สร้างความตื่นเต้นให้ครอบครัวต่างๆที่อยู่บริเวณเมืองรอบๆ ขณะที่บริษัทอื่นพากันใช้วิธีการขายเชิงรุกแบบยัดเยียด บริษัทฟลอร่าซิตี้กลับเน้นที่การสร้างความบันเทิง ขณะพ่อแม่เลือกซื้อของ ลูกๆสามารถนั่งชมละครสัตว์กายกรรมบนไม้กระดก วงล้อหมุนและชิงช้าสวรรค์ ปลากระโดดร่อนไปมาในบ่อปั้นอันตระการตาบริเวณทางเข้า มีต้นไม้เตี้ยๆที่เอ็ดเวิร์ดและภรรยา เฮนเรียตต้า ปลูกไว้กับผลไม้ที่มาจากสวนของเธอเองสร้างความรื่นรมย์ให้กับบรรดาลูกค้าเป็นอย่างดี